สตรีมีครรภ์ ระหว่างฝากครรภ์แพทย์จะแจ้งให้คุณทราบว่าสัปดาห์ที่ 40 ของการตั้งครรภ์คือวันครบกำหนดของคุณ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าอายุครรภ์อาจแตกต่างกันไป และคุณแม่บางคนอาจคลอดได้เร็วถึง 37 สัปดาห์ นี่เป็นเพราะความแตกต่างของการทำงานของรังไข่และระดับฮอร์โมน นอกจากนี้ คุณแม่บางคนอาจจำวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายได้
ซึ่งช่วยบอกอายุครรภ์ได้ด้วย ก่อนที่จะขาดประจำเดือนได้ดี แต่กลับพบว่าเมื่อคำนวณอายุครรภ์แล้วไม่ถูกต้อง เป็นเพราะเดิมมีภาวะรังไข่ทำงานไม่ปกติ ทำให้มีการตกไข่ล่าช้า ดังนั้นการตรวจอัลตราซาวนด์ประเมินอายุครรภ์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเริ่มฝากครรภ์ในไตรมาสแรกจะมีประโยชน์มาก เพื่อคำนวณกำหนดคลอดที่แม่นยำ ยิ่งในคุณแม่ที่มีประวัติผ่าตัดคลอด คุณหมอจะต้องกำหนดวันผ่าตัดคลอด
การกำหนดผ่าตัดที่อายุครรภ์ 39 สัปดาห์ จึงสร้างความมั่นใจได้ว่า จะเป็นอายุครรภ์ที่ปอดลูกมีการทำงานสมบูรณ์แล้ว พัฒนาการลูก ลูกมีความยาวประมาณ 50 ซม. ส่วนนำของลูกจะเคลื่อนลงสู่อุ้งเชิงกราน และในกรณีที่ศีรษะเคลื่อนลงเชิงกรานได้ดี จะเริ่มกดบริเวณปากมดลูก ซึ่งจะกระตุ้นให้มีการหลั่งสารเคมีในร่างกาย ซึ่งมีฤทธิ์ในการกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัว และเมื่อมดลูกหดรัดตัวได้สม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพดี จะกระตุ้นให้ปากมดลูกเปิด
ในกรณีที่ศีรษะลูกหัน ในทิศทางที่ผ่านลงเชิงกรานได้ดี ก็จะดันให้ปากมดลูกเปิดได้ดี และคลอดธรรมชาติได้ในที่สุด สัปดาห์ที่สี่สิบหลังจากคลอด คุณหมอจะให้ลูกได้ สัมผัสและอยู่ในอ้อมกอด สัมผัสหัวนมและเต้านมคุณแม่ให้เร็วที่สุด คุณแม่ควรดื่มน้ำสะอาดวันละ 2 ลิตร การดื่มน้ำขิง รับประทานอาหาร เช่น หัวปลี มะละกอ เต้าหู้ ใบกะเพรา มีส่วนในการกระตุ้นน้ำนมได้ดีหลังคลอด คุณแม่จะมีน้ำคาวปลา เป็นสีแดงสดในช่วงแรก จากนั้นจะเป็นสีแดงจางและเป็นลักษณะใสในที่สุด ช่วง 2 เดือนหลังคลอดเป็นช่วงที่จะยังมีน้ำคาวปลา แต่หากพบว่าผ่านไป 2สัปดาห์แล้ว น้ำคาวปลายังเป็นสีแดงสด ปวดท้อง มีไข้หรือน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นควรมาพบคุณหมอ คุณแม่มักกังวลเกี่ยวกับการเกิดจุดด่างดำ รวมถึงฝ้า และการเปลี่ยนสีตามบริเวณต่างๆ เช่น ขาหนีบ รักแร้ หลังคลอดบุตร โชคดีที่มีวิธีฟื้นฟูผิวในบริเวณเหล่านี้
การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร การบริโภคผักและผลไม้ที่มีวิตามินที่จำเป็น และการรับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามินอีและสังกะสีสามารถบำรุงผิวและปรับปรุงสุขภาพผม การปฏิบัติเหล่านี้ยังสามารถช่วยลดรอยแผลเป็นและลดความหมองคล้ำของผิว สารอาหารสำคัญช่วยลูกในครรภ์ฉลาดแข็งแรง วิธีง่ายๆ สำหรับแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานก็คือ กินให้มากขึ้นทุกวัน กินแป้ง โปรตีน ผัก ผลไม้
เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอ แต่ถ้าทำไม่ได้หรือไม่แน่ใจควรเน้นสารอาหารดังต่อไปนี้ หลักการง่ายๆ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานก็คือ กินให้มากขึ้นทุกวัน กินแป้ง โปรตีน ผัก ผลไม้ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอ แต่ถ้าทำไม่ได้หรือไม่แน่ใจ ควรเน้นสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีนเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ในการพัฒนาของร่างกายมนุษย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งของสมองของทารกในครรภ์ ควรรับประทานโปรตีน เช่น ไข่ นม และปลา นอกจากนี้ แคลเซียมยังเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของกระดูกในกระเพาะอาหาร ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับประทานอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมในช่วงเวลานี้ ข้อกำหนดด้านอาหารสำหรับสตรีมีครรภ์นี้ยังคงมีอยู่ตั้งแต่ไตรมาสแรกจนถึงเวลาคลอด
แนะนำให้บริโภคนมหรือผลิตภัณฑ์จากนมวันละ 2 แก้วเพื่อให้แน่ใจว่า พวกเขาได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ แหล่งแคลเซียมอื่นๆ ได้แก่ ปลาตัวเล็กๆ ทั้งตัว กุ้งแห้ง เต้าหู้และผักใบเขียวเข้ม เช่น บรอกโคลี คะน้าและผักโขม ในระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายของมารดาจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ออกซิเจน และสารอาหารแก่ทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนา
และป้องกันภาวะโลหิตจางที่เกิดจากการเสียเลือดหลังคลอดบุตร อาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก เช่น เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ตับ ไข่แดง และผักใบเขียว สามารถช่วยให้ได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ พัฒนาการของสมอง และการมองเห็นของทารกที่กำลังเติบโตจำเป็นต้องมีอาหารที่อุดมด้วยประโยชน์ สำหรับ สตรีมีครรภ์ และสามารถบริโภคได้ตลอดระยะเวลาที่ให้นมบุตร เนื่องจากจะถูกส่งผ่านไปยังทารกผ่านทางน้ำนมแม่
ในระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่ต้องใส่ใจสุขภาพกายและใจ ในเรื่องของโภชนาการเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ ดังนั้นจึงละเลยไม่ได้ ควรพบสูตินรีแพทย์ให้ตรงเวลา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
บทความที่น่าสนใจ อุทยาน อธิบายเกี่ยวกับการไปท่องเที่ยวในการชมอุทยานในประเทศญี่ปุ่น